แอบพาพี่สาวมารับ ไฟเซอร์ก่อนด่านหน้า
สำหรับประเทศไทยเราต้องยอมรับว่าแม้แต่บุคลากรด่านหน้าจริงๆ บางท่านก็ยังไม่ได้รับวัค ซี น ช่วงนี้เป็นประเด็นที่หลายคนจับตาอยู่พอสมควร สำหรับการสวมรอย ฉี ด วัค ซีน ไฟเซอร์ ตัดหน้าบุคลากรทาการแพทย์ ซึ่งก็มีข่าวหลุดออกมาเรื่อย ๆ
~
~
~
ล่าสุดวันที่ 16 สิงหาคม 2564 เฟซบุ๊ก คนคอนจะไม่ทน มีการโพสต์แ ฉเรื่องราวของหมอโรงพยาบาลประจำอำเภอแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช แอบพาพี่สาวที่ไม่ใช่บุคลากรด่านหน้า มาฉีดวัคซีนไฟเซอร์
~
ต่อมา เมื่อถูกจับได้ หมอคนดังกล่าวก็ชิงลาออกเพื่อรับผิดชอบไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ชาวโซเชียลมองว่า หนีความผิดกันไปง่าย ๆ เลย ทำแบบนี้เห็นแก่ตัวไปไหม ส่วนคนที่ส่งข้อมูลมาให้ ก็อยากให้เรื่องนี้ดัง จะได้เป็นการกดดันให้มีการลงโทษทางวินัย ไม่ใช่แค่ลาออกหนีความผิด
~
~
อีกทั้งยังมีการแชร์ข้อความโพสต์ในสตอรี ระบุว่า หมอที่โรงพยาบาลแอบพาแม่ พี่สาว พี่เขย มาฉีดไฟเซอร์ ทำไมเห็นแก่ตัวจังเลย ถึงจะทำเสร็จแล้วยื่นใบลาออกก็เถอะ ก็เกินไป DOCTER SUPER VIP พร้อมทั้งระบุ เรื่องที่แอบพาพี่สาวมาฉีดไฟเซอร์ พอเป็นเรื่องยื่นใบลาออก ในใบลาออกนั้นแจ้งเหตุผลว่า เปลี่ยนเป้าหมายในชีวิต ก็ได้แต่จ้า ขอให้คลินิกหน้า มวล. เจริญ ๆ แล้วกันนะจ้า นอกจากนี้ยังมีการส่งข้อมูลให้กับทีมข่าวช่อง 7HD เป็นข้อความในกลุ่มไลน์ของโรงพยาบาลดังกล่าว
~
โดยผู้ที่รับผิดชอบอยู่ในจุดฉีดวัคซีนของโรงพยาบาล ได้ส่งข้อความตัดพ้อว่า อ่านไลน์รู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ พยายามที่สุดแล้วค่ะ ในการให้กำลังใจตนเองและให้กำลังใจทีม แต่มองว่า ทีมเราไม่รัก ไม่สามัคคี เหมือนที่ ผอ.พยายามบอก มีปัญหาไม่พูดคุย ไม่บอกกล่าวในจุดฉีด เป็นคนฉีดขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับพี่ ฉีดโดยไม่ได้ตรวจสอบเอกสาร ว่าคนที่มาฉีดมีหรือไม่ ซึ่งกับพี่คุยกันแล้วว่า ในเมื่อจุดฉี ดไม่โปร่งใส ทุจริต พวกเราก็ขอถอนตัวออกจากจุดฉี ด ขออนุญาตออกจากกลุ่มนะคะ ขอบคุณที่สอนให้รู้อะไรมากมาย เป็นบทเรียนล้ำค่าในการทำงานบนความไม่ประมาท
หลังจากนั้นก็มีสมาชิกในกลุ่มไลน์ดังกล่าวอีกคนได้เข้ามาปลอบใจและทำความเข้าใจว่า ขอให้ทุกท่านอดทน สงบ และมีสติ ให้ยึดถือผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง รับฟังและพิจารณาด้วยหลักเหตุผลเป็นสำคัญ เราต้องก้าวเดินต่อไป แม้มีปัญหาอุปสรรคมากมายก็ตาม ขณะที่บางคนในกลุ่มไลน์ได้ขอออกจากกลุ่มทันที เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่สามัคคีกัน ไม่เคารพความเป็นวิชาชีพพยาบาล และไม่เคารพผู้นำ นอกจากนี้ยังมีการชี้แจงของผู้ที่เกี่ยวข้องในกลุ่มไลน์ ระบุว่า 1.8 ML ทำให้ได้ยาทั้งหมด 2.5 ML ฉี ด Dose ละ 0.3 ML
~
จากการเตรียมด้วยความปราณีต และใช้ Low Dead Space Syringes ทำให้สามารถฉี ดเตรียมย าได้สำหรับฉี ด 7 คน แต่ในระบบสามารถฉี ดได้ 6 คน ข้าพเจ้าได้ปรึกษาผู้ที่รับผิดชอบได้คำตอบว่า ต้องทิ้งส่วนที่เหลือตามนโยบาย ไม่สามารถฉีดให้ใครได้ แต่เนื่องด้วยวั คซี นมีจำนวนน้อย ประชาชนมีความจำเป็นต้องได้รับวั คซี นให้แก่กลุ่มเป้าหมายอื่นไป 1 คน โดยเป็นการตัดสินใจของข้าพเจ้าเพียงคนเดียว คณะทำงานคนอื่นมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา นาง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ และยังตั้งคำถามว่า ไม่รู้ว่าจะต้องแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกไปไหม
หลังเกิดเรื่องดังกล่าว ก็ปรากฏภาพกล้องวงจรปิดจุดฉีดวัคซีนของโรงพยาบาลนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช บันทึกภาพช่วงเวลา 13.34 น. วันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา เห็นหญิงคนหนึ่งที่ถูกระบุว่า เป็นพี่สาวแพทย์หญิงคนดังกล่าว ใส่เสื้อ กางเกงขายาว สีดำ หรือสีน้ำเงินกรมท่า ใส่แมสก์สีขาว เดินออกจากขอบขวาของภาพ ก่อนเข้าไปหาเจ้าหน้าที่แล้วนั่งลงทันที โดยหันแขนซ้ายให้เจ้าหน้าที่ฉีดวัคซีน เมื่อเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไป ซึ่งช่วงดังกล่าว บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลนบพิตำ จำนวนมาก นั่งรอฉีดวัคซีนไฟเซอร์อยู่ด้วย
~
ขณะที่ แหล่งข่าวบุคลากรทางแพทย์ในโรงพยาบาลนบพิตำ ให้ข้อมูลว่า โรงพยาบาลนบพิตำได้รับจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งหมด 11 ขวด บุคลากรทางแพทย์จะฉีดได้ 66 คน ขณะที่วันดังกล่าว แพทย์หญิงด้านอายุรกรรม ที่ย้ายจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช มาประจำโรงพยาบาลนบพิตำ ได้ประมาณปีกว่า ๆ ก็นำพี่สาว อายุประมาณ 30-40 ปี เข้ามาฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งที่มีบุคลากรทางแพทย์โรงพยาบาลนบพิตำ ประมาณ 60 กว่าคน นั่งรอฉีดอยู่ ขณะที่แม่ของแพทย์หญิง และพี่เขย มานั่งรออยู่ด้านข้าง แต่ก็ไม่ได้เข้าไปฉีด
หลังเกิดเรื่อง คณะกรรมการวัคซีนของโรงพยาบาล ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สอบสวนเรื่องนี้ทันทีว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งช่วงที่มีการฉีด เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้รายงานให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนบพิตำ ที่อยู่ระหว่างการกักตัว รับทราบ แต่ก็ไม่ทันการณ์ เพราะมีการฉีดเสร็จแล้ว ทั้งนี้ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนบพิตำ เครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเสียใจกับเรื่องนี้ เพราะจังหวัดนครศรีธรรมราช มีนโยบายชัดเจนว่า วัคซีนไฟเซอร์ 1 ขวด ผสมฉีดได้ 6 คน แต่กลับผสมให้ฉีด 7 คน และหลังสอบสวน ก็ทำรายงานแจ้งให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช รับทราบแล้ว แต่ขณะนี้เรื่องยังเงียบ ซึ่งบุคลากรทางแทพย์ไม่อยากให้เกิดเรื่องลักษณะนี้ขึ้น เพราะยังมีบุคลากรด่านหน้าอีกจำนวนมากที่ถูกตัดสิทธิ
~
เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์ไม่เพียงพอ จึงยังไม่ได้ฉีด หลังเกิดเรื่องดังกล่าว ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง และอยากให้แพทย์หญิงคนดังกล่าว ออกมายอมในสิ่งที่เกิดขึ้น และอยากผู้บังคับบัญชา ลงโทษทางวินัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้ที่รับผิดชอบก็กังวลกับเรื่องนี้ เช่นเดียวกับบุคลากรด่านหน้าอีกจำนวนมากในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่พูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งวันนี้ต้องติดตามว่า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช จะชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่าอย่างไร เพราะได้รับรายงานไปตั้งแต่เย็น วันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว ข
อบคุณภาพจาก : Facebook คนคอนจะไม่ทน